
คดีไม่มีพลิกเหมือนกรณีของ “บอส อยู่วิทยา”
เมื่อ “ทรูวิชั่นส์” ประกาศถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีก ประจำฤดูกาล 2020 ถึงแค่วันที่ 25 ต.ค.นี้เท่านั้น
เป็นอันเด็ดขาด ชัดถ้อยชัดคำ!
ยังผลให้เหล่าบรรดาสโมสรสมาชิกทั้งหลาย ที่ร่วมวงสังฆกรรมในไทยลีก 1 ไปจนถึงไทยลีก 3 ต้องสะดุ้งกันโหยง เนื่องด้วยพวกเขาจะไม่มีงบประมาณจากค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด มาเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อต่อลมหายใจ อย่างน้อยก็ไปจนถึงสิ้นปี
คงต้องไล่เรียงกันอีกครั้งว่า ค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีกในฤดูกาลนี้ ซึ่งเป็นฤดูกาลสุดท้ายที่ “ทรูวิชั่นส์” เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์นั้น มีมูลค่าสูงถึง 1,200 ล้านบาท
โดยทรูวิชั่นส์ จะต้องแบ่งจ่ายให้กับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ทั้งหมด 3 งวด เป็นจำนวนงวดละ 400 ล้านบาท ซึ่ง “ทรูวิชั่นส์” ได้ชำระเงินงวดแรกไปแล้วจำนวน 400 ล้านบาท เมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมา
และก็เป็นที่ทราบกันดีว่า สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ก็ได้นำเงินในส่วนนี้แบ่งให้บรรดาสโมสรสมาชิกเพื่อเป็นเงินสนับสนุน งวดที่ 1 ประจำปี 2563 ตามหลักเกณฑ์
ไทยลีก 1 (โตโยต้า ไทยลีก) จำนวน 5 ล้านบาท/ทีม ทั้งหมด 16 ทีม เป็นเงิน 80 ล้านบาท, ไทยลีก 2 (เอ็ม-150 แชมเปี้ยนส์ ชิพ) จำนวน 7.5 แสนบาท/ทีม ทั้งหมด 18 ทีม เป็นเงิน 13.5 ล้านบาท, ไทยลีก 3 (ออมสิน โปร ลีก) จำนวน 2.5 แสนบาท/ทีม ทั้งหมด 24 ทีม เป็นเงิน 6 ล้านบาท และไทยลีก 4 (ออมสิน ลีก) จำนวน 2.5 แสนบาท/ทีม ทั้งหมด 60 ทีม เป็นเงิน 15 ล้านบาท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 114,500,000 บาท
ซึ่งช่วงหลังมานี้ ก็มักมีคนออกมาทวงถามว่า เงินจำนวนที่เหลืออีกเกือบๆ 300 ล้านบาท และเงินจากบรรดาสปอนเซอร์ทั้งหลาย ที่จ่ายไว้แล้วอีกหลายร้อยล้านบาทนั้น
มันหายไปไหน?
ซึ่งจริงๆ เงินมันหายมานานแล้วครับ 4-5 ปีที่ผ่านมา เป็นเม็ดเงินจำนวนมหาศาล
เพียงแต่ตอนนั้นไม่มีใครออกมาร้องแรกแหกกระเชอ เพราะยังพอใจอยู่กับสิ่งที่ตัวเองได้รับ
ต้องถือว่า “โควิด-19” เป็นตัวเร่งเร้าให้พวกเขา “กล้า” ที่จะออกมาทวงถาม เนื่องจากไม่มีทางออกอื่น
นั่นก็ส่วนหนึ่ง!!!
แต่ผมกลับมองว่า ประเด็นสำคัญที่สุดตอนนี้อยู่ที่ว่าเราจะกลับมารีสตาร์ตไทยลีกให้เร็วที่สุดได้ตอนไหน
การที่สมาคมฟุตบอลรับเงินมาแล้ว 400 ล้านบาท นั่นหมายความว่าฟุตบอลไทยลีก 1 และไทยลีก 2 ที่ถูกระบุอยู่ในสัญญาการถ่ายทอดสด ต้องลงทำการแข่งขันให้ได้ครบตามมูลค่าดังกล่าวด้วย
มิเช่นนั้น (อาจ) ต้องคืนเงินส่วนต่าง ที่ทำไม่ได้ตามสัญญา
ฤดูกาลนี้ ทุกทีมในไทยลีก 1 (จำนวน 16 ทีม) และไทยลีก 2 (จำนวน 18 ทีม) ลงสนามไปแล้วทีมละ 4 เกม รวมทั้งหมด 68 แมตช์ ซึ่งหากคิดเป็นตัวเลขกลมๆ ตามข่าวที่ได้รับคือ ค่าลิขสิทธิ์ตกแมตช์ละประมาณ 3 ล้านบาท รวมๆ แล้วก็ตก 204 ล้านบาท
ไทยลีก 1 และไทยลีก 2 ยังคงต้อเตะใช้หนี้อีก 196 ล้านบาทที่เหลือ
ให้ทันเส้นตาย คือ วันที่ 25 ต.ค.
ดังนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ หากสมาคมฟุตบอลฯ ยังยืนกรานที่จะไปเริ่มเตะกันอีกครั้งในเดือน ก.ย.
1. ทุกสโมสรต้องลงเตะกันแบบซอยถี่ยิบ ไม่มีเวลาให้ได้หายใจ และนักเตะภายในทีมก็จะกรอบเกรียวเหมือนเคี้ยวโปเต้ เกิดอาการบาดเจ็บกัน ชนิดที่ค่ารักษาแพงค่าเหนื่อยแน่นอน ซึ่งสโมสรต้องรับภาระในส่วนนี้เพิ่มเข้าไปอีก
2. สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ อาจต้องให้บรรดาสโมสรร่วมกันรับผิดชอบ ใช้หนี้ให้กับทรูวิชั่นส์ กรณีที่แข่งขันไม่ครบตามจำนวนมูลค่า
ปล. นี่แค่เฉพาะผลกระทบเบื้องต้น ที่จะเกิดขึ้นกับทีมในไทยลีก 1 และไทยลีก 2 เท่านั้น นอกจากนี้ยังต้องมีความเสียหายในเรื่องอื่นๆ ตามมาอีกแน่ ผมมั่นใจ
ส่วนทีมในไทยลีก 3 ขอให้ทำใจไว้ได้เลยครับ
ถึงตอนนี้ถ้าภาครัฐไม่โดดเข้ามาอุ้ม โอกาสที่ลีกล่างสุดจะต้องล้มโต๊ะเลิกเล่นกันนั้นมีสูงมาก
เราจะต้องทนเห็นปรากฏการณ์โดมิโนของการยุบทีม ชนิดที่ต้องสะพรึงกันเลยทีเดียว
“ฤดูกาลอัปยศ” ของลีกรากหญ้ากำลังจะเกิดขึ้น.
อ่านเพิ่มเติม...
July 30, 2020 at 10:00AM
https://ift.tt/2BFVu6E
บอลไทยเตะใช้หนี้ - ไทยรัฐ
https://ift.tt/2BQJXBh
Bagikan Berita Ini
0 Response to "บอลไทยเตะใช้หนี้ - ไทยรัฐ"
Post a Comment