Search

ฟุตบอล "เวียดนาม" ก้าวข้ามไทย เรื่องจริงหรือ(แค่)มโน - ไทยรัฐ

blogpolitikgue.blogspot.com

แทบไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่เวลาไม่กี่ปี จากทีมที่เคยเป็นลูกไล่ของไทย ในที่สุด “ทีมชาติเวียดนาม” ก็ชูคอผงาด กลายสภาพขึ้นมาเป็นทีมชั้นนำของย่านอาเซียน ทราบรัศมีความยิ่งใหญ่ของไทยและอีกหลายชาติได้สำเร็จ

สองส่วนสำคัญที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ ที่ช่วยส่ง “ทัพดาวทอง” ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็คือการก้าวเข้ามาของชายที่ชื่อ “ปาร์ค ฮัง ซอ” กุนซือวัยเลยแซยิดจากแดนโสมขาว

และอีกส่วน คือการเค้นฟอร์มเก่งของบรรดาแกนหลัก ไม่ว่าจะเป็น เหงียน กวง ไฮ, เลือง ซวน เชือง, เหงียน คอง เฟือง, เกอ ง็อก ไฮ รวมไปจนถึงนายทวารดีกรีลูกครึ่งอย่าง ดัง วาน ลัม ที่มาถึงจุดพีคพร้อมๆ กัน

ความสำเร็จจากการเป็นรองแชมป์ในศึก ยู-22 ชิงแชมป์เอเชีย 2018 ที่จีน ส่งต่อมาถึงการเป็นเจ้าอาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ” จนมาถึงการเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ เอเชียน คัพ 2019 ที่ยูเออี ทั้งหมดคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่

จากความสำเร็จที่ไหลทะลักเข้ามาสู่ทีมชาติเวียดนาม ในช่วง 2 ปีล่าสุด ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า “ทัพดาวทอง” เจ๋งพอ และก้าวสู่อีกระดับจนเลยอาเซียนไปแล้วจริงๆ หรือ?

วันนี้ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐสปอร์ต ได้โอกาสพูดคุยกับ “แจ็คกี้” ไตรสิทธิ์ ทองแดง อีกหนึ่งบุคคลที่มีความใกล้ชิด และคุ้นเคยกับวงการฟุตบอลทั้งของสองชาติเป็นอย่างดี เพราะเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เขาคือเอเย่นต์มือทอง ที่มีส่วนนำนักเตะไทยหลายรายไปค้าแข้งในวีลีกของเวียดนาม อีกทั้งปัจจุบัน ยังเป็นหนึ่งในผู้บริหารระดับสูง และมือขวา มร.วู เทียน ทันห์ ประธานสโมสรไซง่อน เอฟซี อีกด้วย

"แจ๊คกี้" ไตรสิทธิ์ ทองแดง กับประธานสโมสรไซง่อน เอฟซี

ประเด็นแรกที่เปิดฉากถามการสนทนา ผู้บริหารระดับสูงของทีมดังในศึกวีลีกยอมรับว่า ไม่รู้สึกเซอร์ไพรส์แม้แต่น้อย ที่ได้เห็นลูกทีมของ ปาร์ค ฮัง ซอ ก้าวขึ้นมาเป็นเต้ยของอาเซียนในปัจจุบัน เพราะดูเหมือนว่าอะไรหลายอย่างจะดูลงตัวไปหมด

“ไม่มีอะไรที่เซอร์ไพรส์เลย เพราะทีมเวียดนามจริงๆ แล้วก่อนที่จะมาถึงจุดนี้ พวกเขาล้มลุกคลุกคลานมาตลอด เคยแพ้ไทยเรามาทั้งทีมชุดใหญ่และชุดซีเกมส์ เป็นทีมที่สั่งสมประสบการณ์มานาน แล้วอีกอย่างทีมชุดนี้ เกิดขึ้นในระหว่างที่ฟุตบอลวีลีกกลับมาบูมอีกครั้ง แต่ละสโมสรเริ่มลงทุนในด้านต่างๆ ทำให้มีการพัฒนา เหมือนกับว่าทุกอย่างมันถูกที่ถูกเวลา”

“โดยส่วนตัวมองว่าโค้ชปาร์คเขาโชคดี ที่เข้ามาทำงานในช่วงที่นักเตะชุดนี้ กำลังพีคพร้อมกันเกือบทั้งหมด สิ่งที่โค้ชทำคือการเติมเรื่องฟิตเนส และระบบเพรสซิ่งในสไตล์เกาหลี เน้นเรื่องพละกำลังเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ชุดนี้แข็งแกร่งขึ้น”

“ส่วนเรื่องของขุมกำลังนักเตะ เขาเพียงแค่เอานักเตะบางคนที่เห็นว่ามีแววเข้ามาเสริมทีม แต่ส่วนใหญ่แกนหลักของทีมยังเป็นชุดเดิม ที่เคยแพ้ไทยมาตั้งแต่ตอนฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก ซึ่งหลักๆ ก็จะมีนักเตะจากแค่ 2 สโมสรเท่านั้น คือ ฮอง อันห์ ยา ลาย กับ ฮานอย เอฟซี ที่เหลือก็จะมาจากสโมสรอื่นแค่ทีมละ 1-2 คนเท่านั้น”

อย่างไรก็ตาม อดีตเอเย่นต์มือทองได้มองว่า “ทัพดาวทอง” คงไม่ไม่พีคไปกว่านี้อีกแล้วในอนาคต แต่ที่น่ากลัวในระยะยาว คือการดึงโค้ชชื่อดังชาวฝรั่งเศส ที่เคยผ่านสังเวียนฟุตบอลโลก เข้ามาช่วยวางรากฐานพัฒนาระบบเยาวชน

“โดยส่วนตัวคิดว่า นักเตะส่วนใหญ่คงไม่พีคไปกว่านี้อีกแล้ว จุดสูงสุดของนักเตะชุดนี้คือ การได้รองแชมป์ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย (ปี 2018), แชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ และเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายเอเชียน คัพ 2019 ตอนนี้นักเตะส่วนใหญ่เริ่มอายุมากขึ้น ถ้าไม่อยู่ในช่วงขาลงก็แค่ทรงๆ ไม่พีคไปกว่านี้ และเท่าที่ได้สัมผัส เด็กรุ่นใหม่ที่กำลังขึ้นมา ฝีเท้าก็ยังไม่ดีเท่าชุดปัจจุบัน”

“แต่ที่สำคัญคือ เวียดนาม ดึง ฟิลิปป์ ทรุสซิเยร์ (อดีตกุนซือทีมชาติญี่ปุ่น ชุดฟุตบอลโลก 2002) เข้ามาดูแลทีมชาติเวียดนามชุดยู-19 และช่วยวางระบบเยาวชนทุกรุ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ค่อนข้างน่ากลัวในระยะยาว”

อีกหนึ่งคำถามสำคัญ และเป็นประเด็นฮอตในโลกโซเชียลขณะนี้ก็คือ ตอนนี้เวียดนามได้ยกระดับก้าวข้ามไทยและย่านอาเซียนไปแล้วหรือยัง ซึ่งคำตอบที่ได้คงไม่เหนือความคาดหมายมากนัก 

“โดยส่วนตัวคิดว่าคงยังไม่ถึงขั้นนั้น เพราะในเรื่องของมาตรฐานทีมชาติหรือระบบลีก เขายังเป็นรองเราอยู่ ถ้ามองแบบเป็นกลาง เรื่องวิสัยทัศน์ในการเล่นฟุตบอลของเราดีกว่า แต่ไทยจะเป็นรองเวียดนามอยู่ คือ เรื่องความขี้เกียจ ทำให้มีผลกับเรื่องฟิตเนส และความแข็งแกร่งของร่างกาย”

“เวียดนาม เขาจะโดนปลูกฝังว่า ถ้าเสียบอลเมื่อไหร่คุณต้องช่วยไล่กลับคืนมาให้ได้ ไม่ใช่ทำบอลเสียแล้วให้เพื่อนไล่แทน ในขณะที่ของไทยจะตรงกันข้าม ดังนั้นเรื่องที่เวียดนามจะก้าวข้ามไทยในตอนนี้ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หรอก แต่อนาคตก็ไม่แน่”

“ถึงแม้ตอนนี้ อันดับฟีฟ่าแรงกิ้งไทยจะเป็นรองเวียดนาม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะก้าวข้ามเรา มันเอาตรงนั้นมาวัดไม่ได้ เพราะว่าตรงนี้มันมีตัวแปรเยอะ ทั้งเรื่องจำนวนแมตช์แข่งขันหรืออีกหลายอย่าง”

- สุภาพบุรุษพุงตึง -

อ่านเพิ่มเติม...




August 05, 2020 at 06:29AM
https://ift.tt/3kbH6V3

ฟุตบอล "เวียดนาม" ก้าวข้ามไทย เรื่องจริงหรือ(แค่)มโน - ไทยรัฐ

https://ift.tt/2BQJXBh


Bagikan Berita Ini

0 Response to "ฟุตบอล "เวียดนาม" ก้าวข้ามไทย เรื่องจริงหรือ(แค่)มโน - ไทยรัฐ"

Post a Comment

Powered by Blogger.