การมาของกลุ่มทุน QSI เนรมิตให้ปารีส แซงต์ แชร์กแมง กลายเป็น “บิ๊กทีม” ทันที เพราะด้วยกำลังทรัพย์ที่มีมากมายอย่างล้นเหลือ ประกอบกับปารีส เป็นเมืองที่อบอวลไปด้วยความโรแมนติก เป็นเมืองหลวงของโลกแฟชั่น การจะดึงดูดนักเตะกลายเป็นเรื่องที่ง่ายดายเหลือเกิน
จากนั้นเป็นต้นมา ปารีสจึงกลายเป็นเวทีที่คลาคล่ำไปด้วยนักเตะระดับโลก อาทิ ธิอาโก ซิลวา, เอดิสัน คาวานี, คิลิยัน เอ็มบัปเป และเนย์มาร์ เจ้าของค่าตัวนักฟุตบอลที่แพงที่สุดของโลกคนปัจจุบัน
ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เป็นได้มากกว่าทีมฟุตบอล
แม้การเข้ามาของกลุ่มทุน QSI จะทำให้ปารีส แซงต์ แชร์กแมง กลายเป็นบิ๊กทีม ไร้เทียมทานที่สุดในประเทศ ไม่มีใครที่สามารถต่อกรกับพวกเขาได้ แต่ในเวทียุโรป ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เปแอสเช ยังไปไม่ถึงดวงดาว ถ้านับในแง่ของการลงทุน ถือว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากเป้าหมายหลักของ QSI ในการซื้อเปแอสเช นั่นคือ การคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก
อย่างไรก็ดี QSI มีความหลักแหลมชนิดที่ต้องซูฮก เพราะกลุ่มทุนจากกาตาร์กลุ่มนี้ ไม่ได้มองเปแอสเช เป็นแค่ทีมฟุตบอลทีมหนึ่ง แต่พวกเขามองอักษรสามพยางค์ PSG เป็นแบรนด์สินค้าขนาดใหญ่ การจะผูกติดแบรนด์ของเปแอสเช ไว้กับฟุตบอลเพียงอย่างเดียว เปรียบเสมือนการเก็บไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียว QSI จึงกระจายความเสี่ยง เพิ่มดอกผลให้งอกเงย โดยการทำให้ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เป็น “A Global Brand” เริ่มจากการทำความร่วมมือกับแบรนด์นาฬิกา Hublot ซึ่งถือได้ว่าเป็นพันธมิตรแรกของเปแอสเชในยุค QSI ต่อจากนั้นเกิดความร่วมมือกับ Levi’s ผู้ผลิตกางเกงยีนส์ชื่อดัง ตามด้วย BAPE แบรนด์แฟชั่นจากประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น
เท่านั้นยังไม่พอ เปแอสเช ยังใช้ความโรแมนติก และมนตร์เสน่ห์ของกรุงปารีส เชื้อเชิญเหล่าเซเลบริตี้ ทั่วโลก มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ไม่ว่าจะเป็นคู่สามีภรรยาบียอนเซ และเจย์-ซี, จัสติน ทิมเบอร์เลค, เคนดัลล์ เจนเนอร์, ริฮานนา และคนสำคัญที่จะกล่าวถึงหลังจากนี้ เขาคือ ไมเคิล จอร์แดน โดยที่ทางเปแอสเช ยืนยันว่า การปรากฏตัวของเซเลบริตี้เหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องมีการว่าจ้างแม้แต่ยูโรเดียว
การที่เปแอสเช ฝังตัวอยู่ใจกลางกรุงปารีส ซึ่งเปรียบดั่งเมืองหลวงของโลกแฟชั่น นี่จึงกลายเป็นความได้เปรียบที่เปแอสเชสามารถต่อยอดทุกอย่างของโลกแฟชั่นมาไว้ในมืออย่างง่ายดาย ทำให้ภาพลักษณ์ของปารีส แซงต์ แชร์กแมง เป็นภาพลักษณ์ที่ดูเท่ และพรีเมียม ในเวลาเดียวกัน
ปารีส รักแท้ของไมเคิล จอร์แดน
มีน้อยคนที่จะทราบว่า ปารีส คือเมืองโปรดของไมเคิล จอร์แดน ความหลงใหลที่มีต่อเมืองนี้ เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อครั้งที่ไมเคิล จอร์แดน เดินทางมายังปารีส เพื่อร่วมทำการแข่งขันบาสเกตบอลกระชับมิตร ในปีค.ศ. 1997 การเดินทางมายังปารีสหนนั้น ทำให้เขาหลงรักเมืองนี้เข้าเต็มเปา
จากนั้นในปี 2016 เมื่อแบรนด์จอร์แดน ต้องการขยายอาณาเขตจากสหรัฐอเมริกา มายังทวีปยุโรป ปารีสได้กลายเป็นเมืองแรกที่จอร์แดนเลือกให้มีช็อปของจอร์แดน เป็นที่แรกของยุโรป แทนที่จะเป็นเมืองใหญ่อย่างลอนดอน โรม มาดริด หรือมิลาน ทั้งหมดนั้นถูกเลือกเพราะความรักที่มีต่อปารีสเมื่อหลายสิบปีก่อน
สองปีหลังจากนั้น ในปี 2018 ไมเคิล จอร์แดน ได้ขยายอาณาเขตอีกครั้ง โดยคราวนี้ เป็นการขยายขอบเขตจากเดิมที่แบรนด์จอร์แดน เป็นแบรนด์ยอดนิยมทางฝั่งบาสเกตบอล ขยับขยายมาอยู่ในโลกของฟุตบอลเป็นครั้งแรก
ความร่วมมือกันในครั้งนี้ เกิดจากแนวคิดที่ว่า ไนกี้ เป็นพันธมิตรร่วมกับปารีส แซงต์ แชร์กแมง ตั้งแต่ปี 1989 ต้องการที่จะขยายฐานลูกค้าของจอร์แดน ซึ่งเป็นแบรนด์ลูกของไนกี้ให้ขจรขจายกว่าที่เป็นอยู่ ขณะเดียวกันก็ตรงกับความต้องการของปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่อยากให้แบรนด์ฟุตบอลทีมนี้ เป็น Global Brand อย่างเต็มตัว
เมื่อความต้องการตรงกัน การ Collaboration ระหว่างโลกบาสเกตบอลและโลกฟุตบอลจึงบังเกิดขึ้น แบรนด์จอร์แดน กลายเป็นแบรนด์ใหม่ในโลกฟุตบอล ส่วนปารีส แซงต์ แชร์กแมง จะได้ฐานแฟนคลับของจอร์แดนแบรนด์ ซึ่งมีอย่างมากมายในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะกลุ่มวัฒนธรรมป๊อป (Pop Culture) กลุ่มศิลปินฮิปฮอป และที่ไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นคือ กลุ่มของนักกีฬาที่สังกัดแบรนด์ไนกี้ เรียกว่า Win-Win ทุกฝ่าย
จุดนี้สำคัญมาก เพราะนักกีฬาที่สังกัดอยู่กับไนกี้ ถือเป็นอินฟลูเอนเซอร์ (Influencers) คนสำคัญ และสามารถเป็นผู้กำหนด Trend Setter ได้อีกด้วย
นักกีฬาที่สังกัดของไนกี้ มีผู้ติดตามทั่วโลกไม่ต่ำกว่าสิบล้านคน ลองคิดดูว่า เมื่อนักกีฬาชั้นนำอย่างเลอบรอน เจมส์ (ผู้ติดตาม 72.1 ล้านคน), เควิน ดูแรนต์ (ผู้ติดตาม 11.7 ล้านคน) หรือยานนิส อันเททูคัมโป (ผู้ติดตาม 8.3 ล้านคน) สวมใส่เครื่องแต่งกายของปารีส แซงต์ แชร์กแมง ย่อมต้องเกิดการรับรู้ของแบรนด์ที่มีมูลค่ามหาศาล แม้ว่าคุณจะไม่ได้เป็นคนที่ดูกีฬาฟุตบอลก็ตาม
จากความร่วมมือระหว่างเปแอสเช และแบรนด์จอร์แดน จนถึงตอนนี้ ปี 2020 มีสินค้าความร่วมมือกันระหว่างสองแบรนด์ออกมาแล้ว ไม่ต่ำกว่า 70 คอลเลกชั่น
PSG แรงเกินห้ามใจ
ข้อมูลจากนิตยสารฟอร์บส์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ปารีส แซงต์ แชร์กแมง มีมูลค่าปัจจุบันอยู่ที่ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อยู่ลำดับที่ 11 ของทีมฟุตบอลที่มีมูลค่าที่สุดของโลก
ที่น่าสนใจ ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา รายงานของฟอร์บส์ ระบุว่า แบรนด์ของปารีส แซงต์ แชร์กแมง เติบโตมากถึง 992 เปอร์เซ็นต์ โตที่สุดในธุรกิจฟุตบอล อย่างไรก็ตาม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ไม่ได้เป็นแบรนด์จากธุรกิจกีฬาที่เติบโตมากที่สุดในโลก เนื่องจากอันดับหนึ่ง เป็นของโกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ ทีมดังของวงการบาสเกตบอลเอ็นบีเอ ที่เติบโตมากถึง 1,011 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ ในอนาคตอันใกล้ แบรนด์ของ PSG ยังมีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นได้อีก จากการเข้าไปทำตลาดมีประเทศจีน โดยการออกเสื้อคอลเลกชั่นพิเศษที่เป็นภาษาจีน การยกโขยงไปยังประเทศจีนของกลุ่มนักเตะระดับซุปเปอร์สตาร์ เพื่อทำการโปรโมตสินค้า และให้แฟนๆ ชาวจีน มีโอกาสได้สัมผัสกับแบรนด์ PSG อย่างใกล้ชิด
เชื่อได้ว่า หลังจากนี้แบรนด์ PSG ยังมีโอกาสเติบโตขึ้นอีกมาก ทั้งในแง่ของฟุตบอลและแฟชั่น
อ่านเพิ่มเติม...
September 19, 2020 at 06:23AM
https://ift.tt/2Ei70Xi
เปแอสเช ต้นแบบสโมสรฟุตบอล โดดเด่นบนโลกแฟชั่น - ไทยรัฐ
https://ift.tt/2BQJXBh
Bagikan Berita Ini
0 Response to "เปแอสเช ต้นแบบสโมสรฟุตบอล โดดเด่นบนโลกแฟชั่น - ไทยรัฐ"
Post a Comment