มนตร์เสน่ห์ฟุตบอล? - ไทยรัฐ

blogpolitikgue.blogspot.com

แต่สิ่งที่อยากจะนำมากล่าวถึงกัน คงหนีไม่พ้นประเด็นดราม่าในคู่ของ “สิงห์ผยอง” แอสตัน วิลลา ที่เปิดรังวิลลา ปาร์ก แบ่งแต้มกับ “ดาบคู่” เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ไปแบบไร้สกอร์ 0-0

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แฟนบอลพูดถึงกันมากกว่าผลการแข่งขัน และสนามที่ว่างเปล่าคือ จังหวะลูกข้ามเส้นในช่วงท้ายครึ่งแรก

ย้อนกลับไปในนาทีที่ 42 ของเกม โอลิเวอร์ นอร์วูด ของเชฟฟิลด์ วางบอลยาวไปที่น่าประตู ออร์ยาน นีลันด์ จอมหนึบของเจ้าถิ่นกระโดดขึ้นคว้าบอลมาเข้าซอง

[embedded content]

ดูผ่านๆ อาจจะเหมือนไม่มีอะไร แต่นายทวารของทีมสิงห์ผยองกลับโดนเพื่อนร่วมทีมที่วิ่งมาตามแรงเฉื่อย ผลักให้ทั้งตัวทั้งบอลกระดอนเข้าไปในกรอบประตู

ดูจากภาพช้าแล้ว ลูกบอลเข้าไปทั้งใบแบบนี้ ต้องเป็นประตูอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ในเมื่อโชคไม่ดี เทคโนโลยีไม่ตอบสนอง ก็ทำให้เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด อดได้ประตูไปแบบเซ็ง

ถึงแม้ผู้เล่นของทีมดาบคู่ จะพยายามเข้าไปท้วงติงกับ ไมเคิล โอลิเวอร์ ผู้ตัดสินว่า “ลูกมันเข้าไปแล้วนะ’จารย์” แต่ก็ไร้ผล

เรื่องแบบนี้ก็น่าเห็นใจ แม้ผู้เล่นทีมเยือนจะแย้งว่าลูกเข้าไปแล้ว แต่สัญญาณโกลไลน์ ซึ่งมีความน่าเชื่อถือและเป็นกลางมากที่สุดในสนาม กลับไม่ทำงานใดๆ หรือเรื่องเตือนผู้ตัดสินว่าลูกนั้นเข้าไปแล้ว

เมื่อไร้สัญญาณตอบรับใดๆ ก็ต้องยกประโยชน์ให้จำเลยในที่สุด

แต่ที่น่าชื่นชมคือ บ.ฮอว์คอาย ผู้รับเหมาดูแลเทคโนโลยีโกลไลน์ ในศึกพรีเมียร์ลีก ได้ออกมาขอโทษขอโพยทุกฝ่ายแล้ว

พร้อมยอมรับแบบไม่มีข้อโต้แย้งว่า เรื่องแบบนี้มันผิดพลาดกันได้ แต่ก็จะพยายามพัฒนาปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม และไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้ เกิดขึ้นอีกในอนาคต

ของแบบนี้ ไม่เกิดกับใครก็คงจะไม่เข้าใจ แต่จะอ้างว่ามันคือ “มนตร์เสน่ห์” ของโลกลูกหนัง ก็คงไม่ได้แล้วใน พ.ศ.นี้

เพราะการทำให้กีฬามีความยุติธรรม โปร่งใส และแม่นยำ เชื่อถือได้ คือ Core Value ที่หลายชนิดกีฬานำมาใช้ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับมากที่สุด

ดูได้จาก เทควันโด, ฟันดาบ, เทนนิส, แบดมินตัน หรืออีกหลายชนิด ที่ต้องใช้สายตาของกรรมการ มาเป็นตัวชี้ขาดผลการแข่งขัน ก็พยายามนำเอาระบบวิดีโอช่วยตัดสิน มาเป็นตัวช่วยให้การแข่งขันกันทั้งนั้น

ดังนั้ง “มนตร์เสน่ห์” ที่ทุกฝ่ายต้องการ คือความโปร่งใสและแม่นยำระหว่างเกม มากกว่า “มนตร์เสน่ห์” ที่เป็นดราม่า และเป็นประเด็นให้เล่าขานกันไปชั่วลูกชั่วหลาน.